วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559

[OS] 刀剣乱舞 Fanfic - 椿の咲く夜に ... [つるみか]


椿の咲く夜に 

ค่ำคืนที่สึบากิเบ่งบาน ]

つるみか  鶴丸 x 三日月




สึบากิโรยร่วง ปลิดปลิว เฉกเช่นกาลเวลาที่ล่วงเลยผันผ่านนานนับพันปี

ฤดูกาลเวียนบรรจบครั้งแล้วครั้งเล่า หมุนวนเป็นวัฏจักรเรื่อยร่ำ และจะเป็นเช่นนี้สืบไปจนชั่วกัลปาวสาน
เฉกเช่นมวลเหล่าบุปผาที่เคยบานสะพรั่งผลิดอกในสวนหินอ่อน และฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสดั่งกระจกสะท้อนเงา

ดอกไม้โรยราหมดต้นเสียแล้วทิ้งไว้เพียงกิ่งก้านแห้งกรอบฤดูใบไม้ร่วงปีนี้มาเยือนเร็วกว่าที่คาดคิดไว้มาก 

มิคะสึกินั่งแกว่งขาริมระเบียงชานที่ติดกับสวน เฝ้าดูลำต้นที่ไร้ใบดอกด้วยสายตาเหม่อลอย พอว่างเกินไปเส้นสายก็ฝืดเคือง พาลจะอยากล้มตัวลงนอน ไม่ก็เอนกายลงสดับเสียงของธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัว 

กระบอกไม้ไผ่ที่เริ่มมีน้ำหยดลงช้าขึ้นทุกที สายลมที่พัดพาย หอบใบไม้แห้งและฝุ่นผงให้คละคลุ้งขึ้นมา ก้อนหินกรวดมนเพียงส่วนกลิ้งไหว กระทบกันและกันจนก่อเสียงประหลาด

ยามที่ร่างกายซวนซบลงนอน ใบหน้าแนบลงกับเสื่อทาทามิ เปลือกตาก็ค่อยๆ หนักอึ้งลงทุกทีอย่างไม่อาจห้าม


หวนคิดถึงบุปผาสีแดงฉานดอกนั้น ที่ไม่ว่าจะยามฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้ร่วง จวบจนล่วงเลยถึงฤดูหนาวที่หิมะโปรยปราย 

...ดอกไม้งามดอกนั้น...

ดอกสึบากิก็ยังคงบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมรวยรินและโอดโฉมความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง

....ราวกับจะเป็นนิรันดร์.....


แม้นย่างเข้าสู่ช่วงราตรีกาลที่ทวิลับขอบฟ้า 
รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่ทาบทับลงมาบนผิวเนื้ออ่อนชวนให้รู้สึกไม่คุ้นชิน

เราสองคนหาใช่มนุษย์ จึงมีเคยได้รับการสัมผัสเนื้อหนังอันอบอุ่นซึ่งกันและกันมาก่อน

....น่าประหลาดนัก... 

ยามได้หวนคืนสู่มิติเวลาที่เป็นดั่งอีกโลก และจิตวิญญาณที่ได้รับปลุกให้ลืมตื่น และมีรูปกายขึ้นมานั้น กลับโหยหากันและกันขึ้นมา ดั่งมีแรงดึงดูดที่รวบกอด และโอบประสานเราทั้งคู่

มือเชยชิดใบหน้าขาวหมดจดดวงนั้น เช่นเดียวกับที่มือของอีกฝ่ายแตะสัมผัสบนผิวแก้ม สัมผัสที่เคยเย็นเฉียบเพราะต่างเป็น 'ดาบนั่น อบอุ่นได้มากถึงเพียงนี้เชียวเหรอ

ข้าครุ่นคิดด้วยความสงสัยยิ่ง

'เจ้าเหม่อในเวลาแบบนี้ด้วยเรอะ มิคาสึกิ

ดวงตาสีเหลืองทองที่ห่างไปเพียงฝ่ามือกั้น จนเห็นได้ชัดเจนถึงความระอาใจกึ่งปลิดปลงในแก้วตาคู่นั้น

[OS] 刀剣乱舞 Fanfic - 千年夏 [つるみか]


千年夏

- the 1000th Summer -


つるみか  鶴丸 x 三日月



ฤดูร้อนปีที่หนึ่งพัน






.... ข้าเพียงปรารถนาจะพบเจ้าอีกครั้ง ....




ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า
หากท่านมีอยู่จริงแล้วล่ะก็....



ช่วยให้เราได้พบกันที




อา ... ข้ามองอะไรไม่เห็นเสียแล้ว สึรุมารุ


ดวงตาพร่ามัวไปหมดสิ้น เหลือเพียงสีขาวอันว่างเปล่าและร่างกายที่เย็นชืดลงทุกที

นี่... คงไม่ได้พบกันอีก
...เสียแล้วกระมัง






...สึกิ
มิคะ....สึกิ
มิคะสึกิ!!

ช่างน่าตระหนกตกใจเสียจริง
อาการลนลานเช่นนั้น ไม่สมกับเป็นเจ้าที่ชื่นชอบเรื่องตื่นเต้นเอาเสียเลย

หากทำได้...
ข้าก็ปรารถนาจะเห็นใบหน้าที่แสนหายากนั้นเป็นครั้งสุดท้ายด้วยดวงตาคู่นี้

แต่...

ไม่ไหวเสียแล้วล่ะ สึรุมารุ



ไว้พบกันใหม่นะ




กระแสคลื่นฝูงชนมหาศาลของสถานีรถไฟฟ้ายามเช้าเร่งด่วน ผู้คนเดินแออัดเบียดเสียดราวกับกลุ่มมดงานเหมือนกันไปหมด เขาที่ไม่รีบเร่งเท่าใดนัก เพราะตื่นเช้าตามเวลาปกติ

เทอมสุดท้ายซึ่งเคลียร์งานและธีสิสเรียบร้อยแล้วค่อนข้างว่างอย่างน่าใจหายเลยทีเดียวจึงออกมาเตร็ดเตร่ไปมหาวิทยาลัยแทน หมายใจจะไปทักทายอาจารย์และเพื่อนรุ่นน้องให้เซอร์ไพร์ซเล่น


หากแผนที่มีเป็นอันต้องถูกยกเลิกไป


ร่างสูงโปร่ง เพรียวบางในชุดสูทสีเข้มพอดีตัว ตัดกับใบหน้าขาวจัด บนรูปหน้างดงามเหมาะเจาะ ริมฝีปากบางสีแดงอ่อนระเรื่อคลี่ยิ้มคล้ายอ่อนอกอ่อนใจกับตัวเอง โดยมีปลายนิ้วเรียวยาวแตะบนกลีบปากล่าง แสดงอาการครุ่นคิด


ในสถานีที่คนเบียดเสียดไร้ช่องว่าง ปรากฏบริเวณสุญญากาศรอบเจ้าตัว
บรรยากาศสูงส่งงดงาม และบริสุทธิ์ ราวกับดวงจันทร์บนนภาที่ไม่เคยแปดเปื้อนอย่างไรอย่างนั้น


"อ๊ะ! สึรุ..." น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวเรียกชื่อเขา แม้ไกลถึงขนาดนี้กลับก้องในโสตประสาทอย่างชัดเจน ร่างสูงโปร่งพาตัวมาหยุดตรงหน้า ก่อนฝ่ามือที่สวมใส่ถุงมือสีเข้มไว้นั้นจะยกมือเขาขึ้นเกาะกุม รอยยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้า ศีรษะเอียงเล็กน้อยจนปอยผมข้างหนึ่งตกลงระเรี่ยลาดไหล่


"ตั๋วรถไฟนี่ซื้อยังไงเหรอ?"






วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[OS] Latte or Hot Cappuccino? [NakiKogi]

刀剣乱舞.
Touken Ranbu FanFiction


Rate : PG


Genre : AU , Comedy


Pairing : 鳴狐 x 小狐丸 / NakiKogi / なきこぎ


Note : เข้าแมพ 6-2 แล้วนาคิพาเข้าแต่สตาร์บัคส์ค่ะ เก็บกดจนออกมาเป็นฟิคเลยค่ะ 555555555555555555+









โต๊ะขนาดเล็กในมุมที่สงบที่สุดของร้านมักถูกจับจองจากขาประจำคนหนึ่งเสมอ  เมนูเดิม คนสั่งคนเดิม


และ.... พูดน้อยเหมือนเดิม


ชื่อเสียงเรียงนามไม่มีใครในร้านรู้สักคน ขนาดคนที่ยิ้มแย้มอ้อล้อเก่งไม่มีใครเกินก็ไม่อาจบอกเล่าได้ จนทุกคนในร้านแอบตั้งฉายา 'น้องเงียบ' เหตุผลที่ต่างเรียก 'น้อง' กันอย่างพร้อมเพรียงนี่ ด้วยหน้าตาและรูปร่างที่ไม่สูงใหญ่ของเจ้าตัว ที่ทุกคนลงความเห็นว่า ‘เด็ก’ กว่าคนทั้งร้านแน่นอน


“ดื่มลาเต้ทุกวัน ลองรับขนมไปคู่กัน หรือลองชิมกาแฟรสอื่นบ้างมั้ยครับ?”


ดวงตาสีทองวาวเงยขึ้นมาสบ ก้มมองด้วยความสูงที่ห่างกันถึงขนาดนี้ แคชเชียร์ ผู้ควบตำแหน่งบาริสต้าไปยันผู้จัดการสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนถึงแววตาที่ราวกับผลึกกระจกที่สะท้อนเงาตนกลับมา


“ถ้าเป็นนาย.....”


เสียงฟังไม่ได้ศัพท์แผ่วแว่วมา เบาจนจับใจความสำคัญไม่ได้ ชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองอายุมากกว่าโข จึงเปิดรอยยิ้มกว้างจนตาหยี


“ไว้คราวหน้าจะชงกาแฟแบบอื่นให้ลองนะ?”


“ครั้งหน้า..จะลองล่ะกัน”


มือเอื้อมมารับแก้วเครื่องดื่ม แตะโดนมือเขาที่ยื่นส่งไปพอดี ปลายนิ้วของอีกฝ่ายเย็นมาก ทั้งที่ในร้านเปิดฮีทเตอร์ปรับอากาศไว้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนปากจะไวกว่าความคิด


“แล้วจะชงคาปูชิโน่อุ่นๆ ให้นะ”


.... ขนาดแตะผ่านยังเย็นขนาดนั้น เจ้าตัวต้องเป็นคนอุณหภูมิร่างกายต่ำแน่ๆ ให้ดื่มของอุ่นๆ น่าจะดีกว่า

นาคิกิทสึเนะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสนใจคนแปลกหน้าขนาดนี้มาก่อน


แรกเริ่มเขาแค่เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานวิจัยจากห้องตัวเองและแล็บเท่านั้นเอง ได้ยินมาจากหลานชาย ผู้ซึ่งมาคอยมาสอดส่องเป็นระยะตามนิสัยขี้ห่วงเอ่ยเปรยว่ามีร้านกาแฟของคนรู้จักอยู่แถวนี้พอดี ว่างๆ ลองไปนั่งผ่อนคลายเพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้น


หากสิ่งที่เรียกสายตาตั้งแต่แรกเห็นคือสีขาวพร่างพราว เจ้าของร่างสูงเพรียวที่มีเส้นผมหยักศกสีขาวนวล ใบหน้ายิ้มแย้มจนนัยน์ตาสีคล้ายกันหรี่ปรือ
              
‘ยินดีต้อนรับครับ!’


น้ำเสียงสดใส ร่าเริงจนดูเด็กลงหลายส่วน จากที่มองอายุไม่น่าห่างจากเขาสักกี่มากน้อย ให้แก่กว่าไม่เกินห้าปี เพราะวันนั้นลูกค้าค่อนข้างบางตา นอกจากอีกสองสามคนที่นั่งหลบมุมในที่ประจำแล้วก็มีพนักงานอีกเพียงเล็กน้อย


ขาพาร่างมาหยุดตรงเคาท์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม เมนูหลากหลายละลานตา ทั้งท็อปปิ้งก็มีให้เลือกสรรตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ขนมและอาหารรับประทานง่ายอย่างพายหรือแซนวิช


ก็หน้าตาน่ากินดี...


สายตาเลื่อนขึ้นสบกับดวงหน้าที่รอรับออร์เดอร์ด้วยรอยยิ้ม ทำเอานึกถึงสุนัขตัวโตๆ ที่กระดิกหางรอเจ้านายเล่นด้วย


TalK Zone :

โคกิทสึเนะ อายุประมาณ 25-27 ปี เป็น แคชเชียร์ ผู้ควตำแหน่งบาริสต้าและเป็นผู้จัดการร้าน ตามที่ได้รับฝากฝังมาจากคนรู้จักที่เพิ่งไปริเริ่มกิจการใหม่ค่ะ

นาคิกิทสึเนะ ทายาทสายตรงของอาวาตะกุจิคนสุดท้าย ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวเพื่อความสงบส่วนตัว โดยเป็นนักวิจัยที่อายุไม่ได้น้อยเหมือนหน้าตา? 

และเป็นคุณอาแล้วค่ะในฟิคนี้

เป็นฟิคเรื่อยๆ เรียงๆ อยากเขียนอะไรก็เขียน? แต่มีไทม์ไลน์ไว้ในหัวพอสมควร และจะมาตัวละครอื่นโผล่มาเรื่อยๆ เลยค่ะ 5555555555+

ปล.ชอบนาคิเสะเพราะหลงเสียง?ค่ะ ใครสนใจไปตามฟังได้ที่ลิ้งด้านล่างเลยค่ะ กดสกอร์ข้ามเสียงน้องจิ้งจอกไปกันนะคะ ฮา





วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Four Seasons - The Fox's Wedding - Part 2 -

刀剣乱舞.
Touken Ranbu FanFiction

Rate : PG-15

Genre :  AU , Fantasy , Gender Bend

Pairing : 鳴狐 x 小狐丸 / NakiKogi / なきこぎ

NOTE :
Gender Bend คือ ตัวละครเปลี่ยนจากเพศเดิม ชายกลายเป็นหญิง หญิงกลายเป็นชาย ไม่ใช่เปลี่ยนแค่รูปร่าง แต่กลายเป็นอีกเพศไปเลยจริงๆ


狐の嫁入り
- Kitsune no Yomeiri -




ผู้เข้าออกในศาลสักการะของดินแดนทั้งสี่ทิศได้นั้นมีเพียงแม่ทัพประจำฤดูกาลเท่านั้น

ข้อบังคับนี้ไม่ใช่เพียงคำประกาศเลื่อนลอย อาณาบริเวณล้วนล้อมรั้วและขอบเขตภายในได้ลงอาคมซ้ำทับไปอีกอย่างหนึ่งด้วย ยิ่งในศาลเจ้าแห่งแดนตะวันออกของเผ่ามังกรแล้ว มนตร์กำกับนี้ยิ่งรุนแรงเป็นเท่าทวี ด้วยหัวหน้าบาทบริจาริกาที่ทำหน้าที่เปลี่ยนตะเกียงนั้น เป็นจิ้งจอกสาวแห่งเทพอินาริหาใช่เหล่าผู้พิทักษ์ฤดูกาลเช่นเดียวกับผู้ดูแลศาลสักการะแห่งแดนใต้
ศักดิ์ฐานะของหัวหน้าบาทบริจาริกาแห่งศาลสักการะคือ 'มิโกะ' ผู้น้อมรับสารจากองค์ทวยเทพนั่นเอง
ต้องถนอมกายใจให้บริสุทธิ์ ไร้ราคีแผ้วพาน ถือครองเพศพรหมจรรย์ ไม่มีสิทธิ์ข้องเกี่ยวกับผู้ใดในเชิงชู้สาว
ดังนั้นเรื่องที่นาคิกิทสึเนะนำพาท่านหญิงมาเมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้น พูดได้ว่าไม่ถูกต้องทำนองคลองธรรมยิ่งนัก...
การกระทำซึ่งไม่สมควรแก่ตำแหน่งแม่ทัพคิมหันต์ซึ่งต้องรับหน้าที่ 'ท่านเจ้าแห่งแดนตะวันตก' ในกาลต่อไปด้วยประการทั้งปวง
แม้จะเป็นผู้สืบสายเลือดอันเข้มข้นทุกหยาดหยดจากต้นตระกูลก็ไม่อาจขึ้นรับอำนาจต่อจากท่านรุ่นก่อนที่ล่วงลับไปได้ง่ายดายเช่นที่ควรจะเป็น และถึงแม้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะดึงดันแต่งตั้งท่านก็ตาม แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดนั่นกลับเป็นเจ้าตัวที่ยืนกรานหนักแน่นกว่าว่าจะไม่รับตำแหน่งหน้าที่ใดในตระกูลทั้งสิ้น
.... ไม่ว่าจะเป็นฐานะท่านเจ้าแห่งแดนตะวันตกหรือแม่ทัพคิมหันต์ก็ตามที....
อาการดื้อแพ่ง กบฎต่อตระกูลเป็นครั้งแรกนั่น เกือบทำให้ผู้คนนึกว่าเจ้าตัวต้องอาคมเสน่ห์ของจิ้งจอกจนเสียสติไปแล้วด้วยซ้ำ แม้นาคิกิทสึเนะจะยืนยันหนักแน่นว่าตนมีสติครบถ้วนและไม่ได้ถูกล่อลวงแต่ประการใด
ตรงนี้หากใครได้พบเจอและพูดคุยกับท่านหญิงสักเพียงเล็กน้อยก็จะรู้ว่า ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นจิ้งจอก เผ่าพันธุ์ที่งดงามยั่วยวนไม่มีผู้ใดเทียบ แต่ท่านหญิงผู้นั้นไร้เดียงสาเหลือเกิน คงมาจากการที่เติบโตในศาลเจ้าและเป็นจิ้งจอกแห่งเทพอินาริ หาใช่จิ้งจอกที่สืบเชื้อสายจากจิ้งจอกเก้าหางในตำนานตนนั้นไม่ แต่ก็ไม่ได้ลดความเคลือบแคลงใจแก่เหล่าผู้อาวุโสคร่ำครึนั่นลงอย่างใด
หากไม่ใช่เพราะได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้ว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ และนำท่านหญิงไปฝากฝังยังเรือนหลักของ 'อาวาตะกุจิ' ใต้การอารักขาของญาติพี่น้องแล้วล่ะก็เรื่องคงยุ่งยากกว่านี้อีกไม่น้อย
หนึ่งในวิธีการถอนอาคมนางจิ้งจอกคือการจำกัดตัวผู้ร่ายนั่นเอง.....
ยามที่มีผู้กล่าวประโยคนี้ออกมา นาคิกิทสึเนะไม่พูดและไม่เอ่ยคัดค้านใดใดทั้งสิ้น หากไม่ทันจบประโยคดี ผู้อาวุโสท่านนั้นศีรษะกับร่างก็ได้แยกจากกันเสียแล้ว รอยตัดคมกริบและบั่นคอในครานั้น รวดเร็วและหมดจด เสียจนดวงตาของผู้โดนสังหารยังเบิกค้าง ขณะกลิ้งกลอกบนพื้น จ้องมองโลหิตที่พวยพุ่งจากลำคอตนเอง
นัยน์ตาสีทองวาวคู่นั้นเยียบเย็นว่างเปล่า ประกาศชัดว่าหากใครกล้าว่าร้ายหรือหมายทำอันตรายท่านหญิงโคกิทสึเนะแม้เพียงปลายผม จะไม่จบแค่ศีรษะของผู้เดียวเป็นแน่
ท่านอาวุโสที่อายุมากสุดในที่แห่งนั้นได้สั่งให้บ่าวรับใช้เก็บกวาดห้องประชุมจนสะอาดเรียบร้อย และเอ่ยว่า ชะตาของท่านนั้นผูกพันกับจิ้งจอกตั้งแต่ถือกำเนิดแล้ว การจะรับภรรยาเป็นจิ้งจอกเทพก็หาได้ผิดแปลกอันใด คิดคำนวณแล้วในภายภาคหน้าทารกในครรภ์นั่นคงเป็นผู้นำที่ดีของตระกูลเราสืบไป
ส่วนผู้ที่ตายใต้คมดาบนั้นให้ถือเป็นการขออภัยในความเสียมารยาต่อท่านหญิงให้หมดสิ้นกันไป เรื่องราวที่ถกเถียงกันในวันนี้ถือว่าเป็นเพียงลมพัดหอบหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้วหากความล่วงรู้ถึงหูของท่านเจ้ามังกรและท่านเจ้าหงสาผู้เป็นพี่ชายทั้งสองว่าแดนตะวันตกหมายชีวิตนางคงมิจบแค่ศพเพียงศพเดียว
ไม่กี่วันจากเหตุการณ์นี้ ท่านอาวุโสผู้นั้นก็ได้มาเยือนยังเรือนของท่านแม่ และได้กล่าวแสดงความยินดีและต้อนรับนางด้วยท่าทีอ่อนโยนใจดีเป็นอย่างยิ่ง พลางสัพยอกว่า หากไม่ใช่ว่าท่านหญิงไม่สะดวกเดินเหิน คงได้พาเดินชมแดนตะวันตกให้สมกับเดินทางมาจากแดนไกล
และยังทิ้งท้ายอีกว่า ผู้ที่อยู่ในครรภ์ของท่านแม่จะเป็นผู้นำที่ดียิ่งในอนาคต

狐の嫁入り
- Kitsune no Yomeiri -



‘คอนโนะสุเกะ.....’
‘ทำไมหรือขอรับ.....’
‘ท่านแม่ไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย?’
‘โอ๊ะโอ๋... เรื่องนี้ปิดกันเงียบกริบเลยขอรับ! 
อย่าว่าแต่ท่านหญิง กระทั่งคนอื่นในตระกูลยังรู้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยอีกขอรับ!!’

‘............’

ถึงข้าจะไม่ใคร่เคารพในตัวตาแก่หลักลอยนั้นสักเท่าไหร่ แต่ปฏิเสธไม่เลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ข้าไม่เห็นผู้ใดจะถนอมรักคนข้างกายได้เท่านั้น
ดวงตานั้นทดแทนถ้อยคำที่เจ้าตัวแทบไม่เคยเอื้อนเอ่ย และฝ่ามือที่จับจูงกันเดินเล่นในสวนไม่เคยทิ้งห่างกายเป็นดั่งคำสัญญา
‘โคน่ะ.... อยู่คนเดียวมาตลอด’
ท่านพูดไว้เช่นนั้น แล้ววางมือลงบนศีรษะข้าแผ่วเบา ราวกับจะฝากฝังให้ดูแล ซึ่งข้าก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้มากนัก เนื่องด้วยไม่ว่าคราใดก็มักจะเห็นตาแ-- ท่านพ่อเดินเคียงคู่กับท่านแม่ราวกับเป็นเงาประจำกาย

หากเมื่อเติบโตขึ้นและได้รับสืบทอดภาระการงานในฐานะ ‘แม่ทัพคิมหันต์’ ผู้พิทักษ์แห่งฤดูกาล ว่าที่ -เจ้าแดนตะวันตก- รุ่นต่อไป ข้าจึงได้รับรู้ถึงสิ่งที่ท่านพ่อกระทำทีละน้อย

หน้าที่ของผู้ลงทัณฑ์
หากจะพูดให้สวยหรูก็คือการขจัดสิ่งที่เป็นภัยร้ายต่อตระกูล แต่ถ้าจะพูดให้ตรงกับความเป็นจริง นั่นก็ไม่ต่างจากมือสังหารที่คอยเก็บกวาดเรื่องราวเน่าเหม็นต่างๆ ที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้
ท่านพ่อเลือกสละตำแหน่งและหน้าที่เบื้องหน้าทั้งหมด เพราะต้องการที่จะได้อยู่กับท่านแม่โดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด
ภาระของท่านเจ้าแดนตะวันตกนั่นหนักหนานัก และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยากจะปฏิเสธ ซึ่งในบรรดาสิ่งเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านแม่ต้องทุกข์ทรมานในภายหลัง
ยามที่เลือกจะจับมือคู่นั้น และนำพามายังแดนตะวันตก ท่านพ่อได้วางทุกอย่างทิ้งไปแล้ว
…… ทั้งหมดก็เพียงเพื่อที่จะได้รักและโอบกอดจิ้งจอกแสนบอบบางผู้นั้น



狐の嫁入
- Kitsune no Yomeiri -



เรื่องราวที่ปิดบังซ่อนเร้นจากแดนตะวันตกหาได้รอดพ้นจากการล่วงรู้ของเจ้าหงสาผู้เป็นพี่ชายของโคกิทสึเนะแต่อย่างใด นายเหนือหัวผู้เป็นเจ้าแห่งวายุผู้นั้น สามารถรับรู้ข่าวสารได้ทุกสิ่งอย่างจากเสียงกระซิบของสายลมที่นำความมาบอก

หากแต่ไม่อยากให้น้องสาวคนโตที่เพิ่งตั้งครรภ์มากังวลใจและฝ่ายคู่ชีวิตของนางก็ได้ออกโรงปกป้องจนอีกนิดจะเป็นเรื่องใหญ่โต จึงได้ถือโอกาสบอกเล่าถึงชาติกำเนิดของโคกิทสึเนะให้กระจ่างแจ้งแก่ตระกูลผู้พิทักษ์นั้นไปเสีย

'โคกิทสึเนะน้องเรานั่น สืบเชื้อสายมาจากเทพอินาริ หาได้เป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตนนั้นไม่แต่อย่างใด หากตัวนางหวังใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ จึงไม่ได้อยากให้ผู้ใดล่วงรู้และยกตนขึ้นเป็นเทพเจ้าไปเสีย'

'ส่วนปราณจิ้งจอกในดวงเนตรนางที่ทำให้เกิดข่าวลือครั้งเมื่อหลายปีก่อนนั้น แม้มีอยากให้ความในของครอบครัวเผยแพร่ออกไป แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นการเล่นสนุกของภริยาอิชิคิริมารุ หาได้ใช่กลิ่นอายจากตัวนาง -โคกิทสึเนะ- แต่อย่างใด'

'กลิ่นอายของนางนั่น หากจะพูดกล่าวให้ถูกต้องนั่นมีเพียงกลิ่นไอของดินและฝนเท่านั้นเอง'

แต่ท่านเจ้าหงสาก็ได้พูดความจริงทั้งหมดไม่ ในคราวนั้นแล้ว แม้จะเป็นฝีมือจากการเล่นสนุกของโอโรจิสาวตนนั้น แต่เสียงยามนางหัวเราะที่บริสุทธิ์กระจ่างและชื่นใสราวน้ำฝน ยามที่คนได้ยินยลก็หลงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากกลิ่นอายเข้มแรงของปราณเสน่ห์จิ้งจอกเก้าหางตนนั้นกี่มากน้อย

ครั้นนึกถึงใบหน้าหมดจดที่ไร้เดียงสายิ่ง ผิดกับน้องสาวอีกคนแล้ว ท่านเจ้าปรารถนาเหลือเกินว่าหากตนมีมนตร์ใดที่สามารถร่วมจิตแล้วแบ่งเป็นสองอย่างเท่าเทียมแล้วล่ะก็... อยากจะลองใช้มันกับน้องสาวทั้งสองเสียจริง





'ท่านหญิงชอบดอกไม้เหรอขอรับ?'

ยามเห็นสายตาที่ดูราวกับทอดมองไปในที่ไกลแสนไกล แฝงด้วยความเศร้าที่เกลือกกลิ้งไหวระริกในดวงเนตรสีแดงสดสวยคู่นั้น เด็กหนุ่มที่ผ่านมาเห็นจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงทักออกไปด้วยความห่วงใย โดยเลือกที่จะกล่าวถึงดอกไม้งามแทนที่จะถามไถ่ออกไปว่าเหตุใดท่านถึงได้ทอดมองกลีบละอองที่ปลิวล่องด้วยสายตาเช่นนั้น

แม้ไม่สมควรที่จะอยู่เพียงลำพังสองต่อสองกับสตรีที่แต่งงานแล้ว ซ้ำยังถือได้ว่าเป็นคู่ชีวิตของผู้มีศักดิ์เป็นถึง 'ท่านอา' แต่หากปล่อยร่างโปร่งบางไว้เช่นนี้โดยไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงจะรู้สึกผิดมากเสียจนโทษตัวเองในภายหลัง

และอีกอย่าง... ถึงท่านพี่กับนาคิจะขึ้นชื่อเรื่องความหวงแหนอาทรภริยาตนมากเพียงไร แต่กับเหล่าน้องชายล้วนรู้ดีว่าเป็นไปอย่างมีเหตุผลทั้งสิ้น

หนึ่งนั้นเป็นจิ้งจอกขาวแสนซื่อ ผู้ไม่ทันนึกรู้ตัวกว่ากลิ่นไอบริสุทธิ์แห่งทวยเทพแสงตะวันที่สาดส่องแก่ผืนปฐพีเป็นที่ปรารถนาของภูตผีปริศนาต่ำช้าเพียงใด

ยามเอ่ยเอื้อนก็สดใสชุ่มชื้นราวฝนแรกฤดู .....

อีกผู้หนึ่งนั้น... ร่ำลือไปทั้งสี่แดนลือเลี่ยงถึงเสียงอันไพเราะ และดวงหน้างดงามหมดจดที่เทียบเคียงได้กับนกแสงจันทร์ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในแผ่นดิน

ยามกล่าวคำและริมฝีปากแตะเเต้มรอยยิ้มบางเบา ดวงใจก็แทบปลิดปลิว

ท่านหญิงผินกายตามเสียงอย่างแช่มช้า

'จะให้กล่าวว่าชอบหรือไม่ชอบก็เอ่ยได้ลำบากนัก แต่ก่อนนั้น ข้าทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้นเอง'

ดวงตาคู่สวยเลื่อนลงมองกิ่งซากุระในมือ คาดว่าคงเป็นนาคิที่เด็ดลงมาให้นางถือชมดู แต่ไม่ทันได้พูดกล่าวอะไรก็คงโดนเรียกไปทำ -หน้าที่- ของตนแทน

จากข่าวที่ได้รับฟังมาช่วงนี้ปัญหาภายในตระกูลและแดนตะวันตกค่อนข้างมีความสุ้มเสี่ยงหลายประการ ด้วยความเคลือบแคลงต่อพี่ชายตนที่ไม่ได้สืบเชื้อสายพยัคฆ์เพียงอย่างเดียว ฝีมือคนขุดคุ้ยคงเป็นผู้ที่ไม่พอใจครั้งเมื่อรับนางเข้ามาในตระกูลเรา


เนื่องจากเลือดอีกครึ่งในกายของอิจิโกะ ฮิโตฟุรินั่นเป็นจิ้งจอก.... ซ้ำยังเป็นจิ้งจอกเก้าหางอีกด้วย




*************************************