วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559

[OS] 刀剣乱舞 Fanfic - 椿の咲く夜に ... [つるみか]


椿の咲く夜に 

ค่ำคืนที่สึบากิเบ่งบาน ]

つるみか  鶴丸 x 三日月




สึบากิโรยร่วง ปลิดปลิว เฉกเช่นกาลเวลาที่ล่วงเลยผันผ่านนานนับพันปี

ฤดูกาลเวียนบรรจบครั้งแล้วครั้งเล่า หมุนวนเป็นวัฏจักรเรื่อยร่ำ และจะเป็นเช่นนี้สืบไปจนชั่วกัลปาวสาน
เฉกเช่นมวลเหล่าบุปผาที่เคยบานสะพรั่งผลิดอกในสวนหินอ่อน และฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสดั่งกระจกสะท้อนเงา

ดอกไม้โรยราหมดต้นเสียแล้วทิ้งไว้เพียงกิ่งก้านแห้งกรอบฤดูใบไม้ร่วงปีนี้มาเยือนเร็วกว่าที่คาดคิดไว้มาก 

มิคะสึกินั่งแกว่งขาริมระเบียงชานที่ติดกับสวน เฝ้าดูลำต้นที่ไร้ใบดอกด้วยสายตาเหม่อลอย พอว่างเกินไปเส้นสายก็ฝืดเคือง พาลจะอยากล้มตัวลงนอน ไม่ก็เอนกายลงสดับเสียงของธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัว 

กระบอกไม้ไผ่ที่เริ่มมีน้ำหยดลงช้าขึ้นทุกที สายลมที่พัดพาย หอบใบไม้แห้งและฝุ่นผงให้คละคลุ้งขึ้นมา ก้อนหินกรวดมนเพียงส่วนกลิ้งไหว กระทบกันและกันจนก่อเสียงประหลาด

ยามที่ร่างกายซวนซบลงนอน ใบหน้าแนบลงกับเสื่อทาทามิ เปลือกตาก็ค่อยๆ หนักอึ้งลงทุกทีอย่างไม่อาจห้าม


หวนคิดถึงบุปผาสีแดงฉานดอกนั้น ที่ไม่ว่าจะยามฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้ร่วง จวบจนล่วงเลยถึงฤดูหนาวที่หิมะโปรยปราย 

...ดอกไม้งามดอกนั้น...

ดอกสึบากิก็ยังคงบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมรวยรินและโอดโฉมความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง

....ราวกับจะเป็นนิรันดร์.....


แม้นย่างเข้าสู่ช่วงราตรีกาลที่ทวิลับขอบฟ้า 
รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่ทาบทับลงมาบนผิวเนื้ออ่อนชวนให้รู้สึกไม่คุ้นชิน

เราสองคนหาใช่มนุษย์ จึงมีเคยได้รับการสัมผัสเนื้อหนังอันอบอุ่นซึ่งกันและกันมาก่อน

....น่าประหลาดนัก... 

ยามได้หวนคืนสู่มิติเวลาที่เป็นดั่งอีกโลก และจิตวิญญาณที่ได้รับปลุกให้ลืมตื่น และมีรูปกายขึ้นมานั้น กลับโหยหากันและกันขึ้นมา ดั่งมีแรงดึงดูดที่รวบกอด และโอบประสานเราทั้งคู่

มือเชยชิดใบหน้าขาวหมดจดดวงนั้น เช่นเดียวกับที่มือของอีกฝ่ายแตะสัมผัสบนผิวแก้ม สัมผัสที่เคยเย็นเฉียบเพราะต่างเป็น 'ดาบนั่น อบอุ่นได้มากถึงเพียงนี้เชียวเหรอ

ข้าครุ่นคิดด้วยความสงสัยยิ่ง

'เจ้าเหม่อในเวลาแบบนี้ด้วยเรอะ มิคาสึกิ

ดวงตาสีเหลืองทองที่ห่างไปเพียงฝ่ามือกั้น จนเห็นได้ชัดเจนถึงความระอาใจกึ่งปลิดปลงในแก้วตาคู่นั้น

[OS] 刀剣乱舞 Fanfic - 千年夏 [つるみか]


千年夏

- the 1000th Summer -


つるみか  鶴丸 x 三日月



ฤดูร้อนปีที่หนึ่งพัน






.... ข้าเพียงปรารถนาจะพบเจ้าอีกครั้ง ....




ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า
หากท่านมีอยู่จริงแล้วล่ะก็....



ช่วยให้เราได้พบกันที




อา ... ข้ามองอะไรไม่เห็นเสียแล้ว สึรุมารุ


ดวงตาพร่ามัวไปหมดสิ้น เหลือเพียงสีขาวอันว่างเปล่าและร่างกายที่เย็นชืดลงทุกที

นี่... คงไม่ได้พบกันอีก
...เสียแล้วกระมัง






...สึกิ
มิคะ....สึกิ
มิคะสึกิ!!

ช่างน่าตระหนกตกใจเสียจริง
อาการลนลานเช่นนั้น ไม่สมกับเป็นเจ้าที่ชื่นชอบเรื่องตื่นเต้นเอาเสียเลย

หากทำได้...
ข้าก็ปรารถนาจะเห็นใบหน้าที่แสนหายากนั้นเป็นครั้งสุดท้ายด้วยดวงตาคู่นี้

แต่...

ไม่ไหวเสียแล้วล่ะ สึรุมารุ



ไว้พบกันใหม่นะ




กระแสคลื่นฝูงชนมหาศาลของสถานีรถไฟฟ้ายามเช้าเร่งด่วน ผู้คนเดินแออัดเบียดเสียดราวกับกลุ่มมดงานเหมือนกันไปหมด เขาที่ไม่รีบเร่งเท่าใดนัก เพราะตื่นเช้าตามเวลาปกติ

เทอมสุดท้ายซึ่งเคลียร์งานและธีสิสเรียบร้อยแล้วค่อนข้างว่างอย่างน่าใจหายเลยทีเดียวจึงออกมาเตร็ดเตร่ไปมหาวิทยาลัยแทน หมายใจจะไปทักทายอาจารย์และเพื่อนรุ่นน้องให้เซอร์ไพร์ซเล่น


หากแผนที่มีเป็นอันต้องถูกยกเลิกไป


ร่างสูงโปร่ง เพรียวบางในชุดสูทสีเข้มพอดีตัว ตัดกับใบหน้าขาวจัด บนรูปหน้างดงามเหมาะเจาะ ริมฝีปากบางสีแดงอ่อนระเรื่อคลี่ยิ้มคล้ายอ่อนอกอ่อนใจกับตัวเอง โดยมีปลายนิ้วเรียวยาวแตะบนกลีบปากล่าง แสดงอาการครุ่นคิด


ในสถานีที่คนเบียดเสียดไร้ช่องว่าง ปรากฏบริเวณสุญญากาศรอบเจ้าตัว
บรรยากาศสูงส่งงดงาม และบริสุทธิ์ ราวกับดวงจันทร์บนนภาที่ไม่เคยแปดเปื้อนอย่างไรอย่างนั้น


"อ๊ะ! สึรุ..." น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวเรียกชื่อเขา แม้ไกลถึงขนาดนี้กลับก้องในโสตประสาทอย่างชัดเจน ร่างสูงโปร่งพาตัวมาหยุดตรงหน้า ก่อนฝ่ามือที่สวมใส่ถุงมือสีเข้มไว้นั้นจะยกมือเขาขึ้นเกาะกุม รอยยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้า ศีรษะเอียงเล็กน้อยจนปอยผมข้างหนึ่งตกลงระเรี่ยลาดไหล่


"ตั๋วรถไฟนี่ซื้อยังไงเหรอ?"