椿の咲く夜に
[ ค่ำคืนที่สึบากิเบ่งบาน ]
つるみか / 鶴丸 x 三日月
สึบากิโรยร่วง ปลิดปลิว เฉกเช่นกาลเวลาที่ล่วงเลยผันผ่านนานนับพันปี
ฤดูกาลเวียนบรรจบครั้งแล้วครั้งเล่า หมุนวนเป็นวัฏจักรเรื่อยร่ำ และจะเป็นเช่นนี้สืบไปจนชั่วกัลปาวสาน
เฉกเช่นมวลเหล่าบุปผาที่เคยบานสะพรั่งผลิดอกในสวนหินอ่อน และฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสดั่งกระจกสะท้อนเงา
ดอกไม้โรยราหมดต้นเสียแล้วทิ้งไว้เพียงกิ่งก้านแห้งกรอบฤดูใบไม้ร่วงปีนี้มาเยือนเร็วกว่าที่คาดคิดไว้มาก
มิคะสึกินั่งแกว่งขาริมระเบียงชานที่ติดกับสวน เฝ้าดูลำต้นที่ไร้ใบดอกด้วยสายตาเหม่อลอย พอว่างเกินไปเส้นสายก็ฝืดเคือง พาลจะอยากล้มตัวลงนอน ไม่ก็เอนกายลงสดับเสียงของธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัว
กระบอกไม้ไผ่ที่เริ่มมีน้ำหยดลงช้าขึ้นทุกที สายลมที่พัดพาย หอบใบไม้แห้งและฝุ่นผงให้คละคลุ้งขึ้นมา ก้อนหินกรวดมนเพียงส่วนกลิ้งไหว กระทบกันและกันจนก่อเสียงประหลาด
ยามที่ร่างกายซวนซบลงนอน ใบหน้าแนบลงกับเสื่อทาทามิ เปลือกตาก็ค่อยๆ หนักอึ้งลงทุกทีอย่างไม่อาจห้าม
หวนคิดถึงบุปผาสีแดงฉานดอกนั้น ที่ไม่ว่าจะยามฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้ร่วง จวบจนล่วงเลยถึงฤดูหนาวที่หิมะโปรยปราย
...ดอกไม้งามดอกนั้น...
ดอกสึบากิก็ยังคงบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมรวยรินและโอดโฉมความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง
....ราวกับจะเป็นนิรันดร์.....
แม้นย่างเข้าสู่ช่วงราตรีกาลที่ทวิลับขอบฟ้า
รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่ทาบทับลงมาบนผิวเนื้ออ่อนชวนให้รู้สึกไม่คุ้นชิน
เราสองคนหาใช่มนุษย์ จึงมีเคยได้รับการสัมผัสเนื้อหนังอันอบอุ่นซึ่งกันและกันมาก่อน
....น่าประหลาดนัก...
ยามได้หวนคืนสู่มิติเวลาที่เป็นดั่งอีกโลก และจิตวิญญาณที่ได้รับปลุกให้ลืมตื่น และมีรูปกายขึ้นมานั้น กลับโหยหากันและกันขึ้นมา ดั่งมีแรงดึงดูดที่รวบกอด และโอบประสานเราทั้งคู่
มือเชยชิดใบหน้าขาวหมดจดดวงนั้น เช่นเดียวกับที่มือของอีกฝ่ายแตะสัมผัสบนผิวแก้ม สัมผัสที่เคยเย็นเฉียบเพราะต่างเป็น 'ดาบ' นั่น อบอุ่นได้มากถึงเพียงนี้เชียวเหรอ
ข้าครุ่นคิดด้วยความสงสัยยิ่ง
'เจ้าเหม่อในเวลาแบบนี้ด้วยเรอะ มิคาสึกิ'
ดวงตาสีเหลืองทองที่ห่างไปเพียงฝ่ามือกั้น จนเห็นได้ชัดเจนถึงความระอาใจกึ่งปลิดปลงในแก้วตาคู่นั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น